ยินดีต้อนรับสู่ HOROR-BLOOD คลังบทความสยองขวัญ พบกับเรื่องราวประหลาด เรื่องราวแปลกๆ จากทั่วทุกมุมโลก ในรูปแบบของบทความ-เรื่องเล่า ที่รวบรวมมาให้คุณนักอ่านได้ใช้วิจารณญาณ จันตนาการ ในการอ่านและสัมผัสเรื่องเล่าได้ใน HOROR-BLOOD
กระสือ!!! เรื่องเล่าจากแม่
BY SAWADDEE
0 COMMENTS
0 COMMENTS
ตอนนี้เรียนจบแล้วย้ายมาอยู่กับแม่ เลยมีเรื่องเล่าจากแม่ เรื่องนี้มีอยู่ว่า สมัยก่อนแม่ของเราเล่าว่าตอนนั้นอาศัยอยู่บ้านจากหลังเดียวกับย่ากางมุงคนละอันนอนใกล้ๆกัน(เหมือนเราในตอนนี้) บ้านของย่านั้นไม่ค่อยมีฐานะเท่าไหร่ สมัยก่อนยังเป็นฝาจากอยู่ แล้วแม่ก็อยู่บ้านใกล้ ๆ กันกับลูกพี่ลูกน้องของแม่ ซึ่งสมัยนั้นแม่อยู่มัธยมแล้ว (ย่าก็อายุประมาณเกือบ 80 ) ด้วยความที่แม่เป็นเด็ก และก้อ"ขี้เกียจเดินไปคุยกับลูกพี่ลูกน้อง จึงใช้วิธีแหวกฝาจากคุยกัน" เวลาแหวก ฝาจากก็จะเป็นโพรงและไม่คืนกลับสภาพเดิม...
และนั่นคือจุดสำคัญของเรื่องเล่าของเรานี้...
คืนหนึ่ง แม่เข้านอนที่หลังย่า ซึ่งสมัยนั้นยังนอนมุ้ง และ ห้องน้ำอยู่ด้านนอกตัวบ้าน ย่าจึงมีกระโถนฉี่ สำหรับเอาไว้เวลาต้องการเข้าห้องน้ำตอนดึก แม่เข้านอนตามปกติ แต่แม่ยังไม่หลับ คืนนั้น แม่รู้สึกว่ามันแปลก ๆ ทั้งบรรยากาศ และอากาศรอบ ๆ ตัว แต่แม่ก็นอนคิดอะไรไปเรื่อย จนกระทั่งกลางดึก แม่เคลิ้ม ๆ จะหลับนั้นเอง สายตาก็พลันเหลือบมองไปทางฝาจาก ที่แหวกคุยกันกับลูกพี่ลูกน้องทุกวัน
ทันใดนั้น ก้อมีดวงไฟประหลาด ขนาดประมาณเท่าหัวเด็กทารก แสงจากดวงไฟนั้นสว่างวูบๆ วาบๆ ลอยเข้ามาใกล้ผ่านทางฝาจากนั้น แม่ตกใจมาก แต่ก้อไม่กล้าร้องออกมา จึงได้แต่นิ่งและมองจ้องดวงไฟดวงนั้นตลอดเวลา ดวงไฟนั้นค่อย ๆ ลอยเอื่อย ๆ มาที่มุ้งของแม่ แม่เล่าว่าตอนนั้นหลี่ตาจนเกือบจะหลับ แต่ก็ยังพอเดาได้จากทิศทางว่ามันจะไปทางไหน มันลอยไปตรงที่ย่าวางกระโถนฉี่ไว้ ลอยวนไปมาอยู่สองรอบ แม่ทนกลัวไม่ไหวแต่เป็นห่วงย่ามากกว่า จึงเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัวทั้งหัว ตัวก็สั่นทั้งตัว แต่ยังขยับตัวไปติดมุ้งย่า เพื่อสะกิดย่า "ย่าๆ นั้นไฟอะไร นั่นหนะ" ย่าก้อก็ตอบกลับมาว่า
"เออ ไม่ต้องกลัวอีหนู นั่นมันหิงห้อย!" เป็นเสียงกระซิบแสนเบาแทบ ไม่ได้ยิน แต่กลิ่นมันช่างชัดเจน เป็นกลิ่นเหม็นคาว เหม็นมากๆ เหม็นชนิดที่เหมือนคนไม่แปรงฟันมาหลายสิบปีก็ไม่ปาน เเต่ตอนนั้นแม่ไม่ได้ใส่ใจ คงเพราะเป็นฟันคนแก่อาจจะผุมากอีกทั้งยังเป็นตอนกลางดึกแล้ว เลยสนใจแต่เพียงเสียงที่ย่าตอบกลับมา เพราะกลัวว่าย่าจะได้รับอันตราย จากดวงไฟนั้น หากแต่แม่ไม่สามารถยอมรับได้ว่ามันเป็นหิงห้อย เพราะดวงใหญ่มาก และแม่ก้อรู้จักหิงห้อย แม่จึงเรียกย่าอีกครั้ง คราวนี้แม่ต้องแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงย่าบ่นพรึมพรำเหมือนกำลังสวดมนต์อยู่ แม่จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาดูย่า แม่ตกใจมาก เพราะเห็นว่าย่านั่งอยู่บนกระโถนฉี่ มืดๆ มีเพียงแสงของดวงจันทร์พอเห็นรำไร ๆ ว่าย่านั้งฉี่โดยที่ร่างกายเปลือยเปล่า ไม่ได้ใส่ผ้าถุง และแม่ยังสอดสายตาเหลียวหาแสงไฟประหลาดเมื่อครู่ ก็ไม่เห็นแล้ว
พอรุ่งเช้าแม่ถามย่าว่า แสงไฟเมื่อคืนไม่ใช่แสงไฟจากหิ่งห้อยใช่ไหม แม่บอกว่าย่านิ่งเงียบไป แล้วกุมมือแม่เล่าเรื่องราวอีกอย่างให้แม่ฟัง แม่จบเรื่องเล่าไปเท่านี้ (ไม่ได้บอกว่าย่าบอกอะไรตอนนั้น)
ทันใดนั้น ก้อมีดวงไฟประหลาด ขนาดประมาณเท่าหัวเด็กทารก แสงจากดวงไฟนั้นสว่างวูบๆ วาบๆ ลอยเข้ามาใกล้ผ่านทางฝาจากนั้น แม่ตกใจมาก แต่ก้อไม่กล้าร้องออกมา จึงได้แต่นิ่งและมองจ้องดวงไฟดวงนั้นตลอดเวลา ดวงไฟนั้นค่อย ๆ ลอยเอื่อย ๆ มาที่มุ้งของแม่ แม่เล่าว่าตอนนั้นหลี่ตาจนเกือบจะหลับ แต่ก็ยังพอเดาได้จากทิศทางว่ามันจะไปทางไหน มันลอยไปตรงที่ย่าวางกระโถนฉี่ไว้ ลอยวนไปมาอยู่สองรอบ แม่ทนกลัวไม่ไหวแต่เป็นห่วงย่ามากกว่า จึงเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัวทั้งหัว ตัวก็สั่นทั้งตัว แต่ยังขยับตัวไปติดมุ้งย่า เพื่อสะกิดย่า "ย่าๆ นั้นไฟอะไร นั่นหนะ" ย่าก้อก็ตอบกลับมาว่า
.....มาถึงตอนนี้ เราก็นึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไม ? แม่ถึงมาเล่าให้เราฟังตอนนี้ คงเพราะท่านแก่แล้วเลยนึกถึงเรื่องเก่าๆ มาเล่าให้ลูกหลานฟัง ถึงแม่เราจะอายุมากแล้วแต่ยังขยันขันแข็งทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆได้สารพัด โดยเฉพาะกรอกน้ำใส่ตู้เย็นอันนี้ไม่เคยพกพร่องเลย ปีนี้แม่ก็อายุราวๆเดียวกับย่า ในตอนที่เจอเหตุการ์ณประหลาดนี้ (อายุ 79) แถมยังเป็นปีที่ดูยิ้มแย้มมากกว่าเมื่อก่อน สงสัยจะมีอะไรพิเศษๆ เซอไพรส์ในเร็ววันนี้แฮะ...
ตัดเล็บตอนกลางคืนจะเห็นผี !!!!!
BY SAWADDEE
0 COMMENTS
0 COMMENTS
ตัดเล็บตอนกลางคืนจะเห็นผี !!!!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับฉันเมื่อ อายุได้ 10 ขวบ (18 ปีที่แล้วค่ะ) ซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นประถม 4 โรงเรียนประถมในตอนนั้นเป็นอาคารสองชั้น และห้องเรียนฉันก็อยู่ชั้น 2 ติดกับบันได จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันแรกของการเลื่อนชั้น พวกเราพากันจัดโต๊ะและทำความสะอาดห้อง จนกระทั่งได้เวลากลับบ้าน นักเรียนก็พากันทยอยกลับกัน แต่ฉันยังอยู่ช่วยคุณครูสองคนจัดห้องอนุบาลชั้นล่าง(บ้านใกล้โรงเรียน)และครูสังเกตุเห็นเล็บมือฉันทั้งยาว ทั้งดำ (ปิดเทอมนานไม่ตัดสักที ทำความสะอาดมือก็ดำ) ครูก็เลยช่วยตัดเล็บให้
เมื่อเสร็จแล้วฉันก็จะกลับบ้านซึ่งตอนนั้นตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ในตัวอาคารค่อนข้างมืด ฉันวิ่งขึ้นไปเอากระเป๋าที่ห้อง ซึ่งครูก็ยืนคุยกันอยู่ที่ห้องอนุบาลด้านล่าง ฉันก็วิ่งขึ้นบันไดไป ทันใดนั้นก็เหลือบเห็นมีนักเรียนผู้หญิงเดินเข้าห้องเรียน ป.4 ซึ่งเป็นห้องเรียนเดียวกับฉัน ซึ่งอยู่ห้องแรกติดบันได ฉันรู้สึกดีใจที่ยังมีเพื่อนเพราะชั้นสองเริ่มมืด เนื่องจากภารโรงยังไม่ได้เปิดไฟ ฉันจึงค่อยๆ ย่องขึ้นบันไดไปเพื่อที่จะแกล้งเพื่อนเพื่อให้ตกใจ เมื่อมาถึงประตูฉันก็รีบผลักประตูเสียงดังและกระโดดเข้าไป แต่ฉันแทบช็อคเมื่อไม่พบใครอยู่ในห้องเลย ห้องมืดมาก
เพื่อให้แน่ใจฉันซึ่งก้มมองดูที่พื้นก็ไม่พบใคร เป็นไปไม่ได้ที่จะโดนแกล้งเนื่องจากอาคารชั้นสองสูงมาก หากกระโดดลงไปขาหักแน่และอาจเสียชีวิตได้ ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นทันใดนั้นประตูหน้าต่างซึ่งปิดอยู่ตรงมุมห้องก็เปิดออกเสียงดังมากและเปิดแค่บานเดียวเท่านั้น โดยในห้องไม่มีลมแม้แต่นิดเดียว ฉันตัวชาและก้าวขาไม่ออก ได้แต่จ้องไปที่มุมห้องนั้น ฉันหลับตาและท่อง นะโม ไม่รู้ว่านานแค่ไหน รู้อีกครั้งเมื่อขาเริ่มขยับได้ ฉันก็รีบวิ่งลงบันได ไปหาครูทันที แต่ปรากฎว่า ครูกลับบ้านไปหมดแล้ว ฉันรีบวิ่งจากโรงเรียนไปบ้านโดยไม่หันหลังไปมองเลย จนกระทั่งถึงบ้านแม่ตกใจมากที่เห็นฉันหน้าซีด ฉันจึงเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ปลอบฉันว่าไม่เป็นไร ตาฝาดและฉันคงเหนื่อยจากการจัดห้องทำให้เห็นภาพ แต่ไม่จบแค่นั้น คืนนั้นฉันฝันว่าเข้าไปอยู่ในห้องนั้นอีกครั้งและยืนก้าวขาไม่ออกฉันมองไปที่มุมห้องนั้น
"เห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 10 ขวบ ผมยาว ร่างกายผอมมากใส่ชุดนักเรียนเก่ามาก มีรอยปะเต็มไปหมด ยืนร้องไห้อยู่ บอกว่าหิวข้าว ทันใดนั้นฉันก็ได้กลิ่นเหม็นสาปแรงมาก จนทำให้ฉันรู้สึกอยากอาเจียน " ฉันพยายามขยับขาวิ่งแต่ก้าวขาไม่ออก ฉันจึงก้มลงไปดูปรากฎว่าเด็กคนนั้นมาจับขาฉันไว้ และรู้สึกได้ว่ามือนั้นแห้งกร้าน ฉันกรีดร้องออกมาเสียงดังมาก จนกระทั่งมารู้ตัวเมื่อแม่มาเขย่าตัวฉันให้ตื่น ฉันรีบโผเข้ากอดแม่และร้องไห้ และอาเจียนออกมาเนื่องจากกลิ่นนั้นยังติดที่จมูกฉันอยู่ พ่อกับแม่ฉันตกใจมากจึงเอาพระมาห้อยคอ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจึงเล่าเหตุการ์ณทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังอีกครั้งอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องตัดเล็บด้วย แม่นิ่งอึ่งไปซักพัก แต่ก็ไดม่ได้พูดอะไร พาสวดมนต์และนอนด้วย บอกแต่ลอยๆเบาๆ ว่าพรุ่งนี้จะไปทำบุญให้อย่ามารบกวนเลย จนกระทั่งเช้า แม่ก็ไม่ให้ฉันไปโรงเรียนจึงไปลาครูที่โรงเรียนและเล่าให้ครูฟัง ครูตกใจมาก เนื่องจากเมื่อวานครูก็ไม่คิดว่าการตัดเล็บตอนกลางคืนจะทำให้เกิดเหตุการแบบนี้ขึ้น และครูคิดว่าฉันกลับบ้านไปแล้วเพราะขึ้นไปดูที่ห้องก็ไม่พบฉันครูจึงกลับบ้านไป ครูยังเล่าให้แม่ฉันฟังอีกว่า ห้องนั้นเคยมีเด็กผู้หญิงซึ่งมีรูปร่างเหมือนอย่างที่ฉันฝัน เสียชีวิตในห้องป.4 จริง เนื่องจากขาดสารอาหาร เด็กคนนี้ครอบครัวอยากจนมาก มักจะขโมยข้าวเพื่อนกินและแอบเอาข้าวใส่กระเป๋าเสื้อ กลับบ้านเพื่อเอาไปให้แม่ที่บ้านจนกระทั่งวันหนึ่งก็ได้เสียชีวิตตรงมุมห้อง เนื่องจากเป็นลม และในมือเธอก็ยังถือข้าวไว้กำหนึ่งแน่น
จนกระทั่ง 7 วันผ่านไป มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งตะโกนเสียงดังจากมุมห้องว่า "เฮ้! ใครเอาข้าวขึ้นรามาทิ้งไว้ตรงซอกมุมห้องนี้ว่ะ" เพื่อนๆ ก็พากันวิ่งมาดู ซึ่งสิ่งที่เห็นคือข้าวซึ่งมีลักษณะถูกบีบแน่นตกอยู่ตรงซอกเสามุมห้อง สภาพแห้งและดำมาก ซึ่งพากันเชื่อว่าเป็นข้าวที่อยู่ในกำมือของเด็กที่เสียชีวิตคนนั้น และครูก็บอกว่าในวันเผาศพเด็กคนนั้นก็ยังกำข้าวอยู่ในมือไว้แน่นและก็ได้เผาไปพร้อมกับเธอ!!!!!!!!! วันต่อไปเด็กห้อง ป.4 ก็ขาดเรียนเกือบครึ่งห้อง หนึ่งในนั้น...ก็มีฉันด้วย
เรื่องสยองขวัญเกิดขึ้นจริง ที่ไม่มีในตำนานของ ม.ดัง
BY SAWADDEE
0 COMMENTS
0 COMMENTS
เรื่องสยองขวัญเกิดขึ้นจริง ที่ไม่มีในตำนานของ ม.ดัง
นักศึกษาเข้าปีหนึ่งมักจะได้ฟังเรื่องเล่าตำนานสยองขวัญของมหาวิทยาลัยจากรุ่นพี่มากมาย แต่เคยมีใครได้พบเจอเรื่องสยองนี้ด้วยตัวเองไหม ก็ไม่มีนะ!! เป็นแค่เรื่องเล่าต่อกันเป็นทอดๆ ว่ามีวิญญาณตรงนั้น มีคนตายตรงนี้ สะพานไม้ห้ามข้ามหากข้ามจะเรียนไม่จบ วันนี้เราเลยมีเรื่องเล่าที่แหกกฎตำนานสยองและวิญญาณที่พบเจอที่ไม่มีในตำนาน เป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นจริงเจอจริงแต่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน มาดูว่าจะมีเรื่องไหนสยองที่สุด!!!
นักศึกษาลองของข้ามสะพานไม้ในตำนาน
เพื่อนเราคนนี้กล้าท้าตำนานสยองเกี่ยวกับสะพานไม้ระหว่างตึก 1 ที่มีเรื่องเล่าว่ามีนักศึกษาสาวเรียนไม่จบตามกำหนด 4 ปี เครียดจนโดดตึกลงมาตายที่สะพานไม้ตรงนั้น หากใครกล้าข้ามสะพานก็จะเรียนไม่จบ สะพานถูกปล่อยร้างและไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าข้ามจริงๆ นักศึกษาชายเพื่อนเราจึงลองของตอนปี 3 ด้วยการข้ามสะพานไม้ไปและกลับ 1 รอบ ท่ามกลางสายตานักศึกษาหลายคนต่างจับจ้องมองดู และหวาดกลัวแทนเขา เพื่อนๆ ที่ยืนมองต่างตกใจว่าเขากล้าทำจริงๆ หลังจากข้ามสะพานแล้วเขาเล่าว่ามันก็ขนลุกไปทั้งตัวรู้สึกแปลกๆ จริงๆ และในคืนนั้นเองเขาฝันว่าเดินข้ามสะพานข้ามไปมาอยู่แบบนั้นท่ามกลางความมืดรอบตัว ผ่านมาวันนี้เขาเรียนจบตามเกณฑ์ทุกอย่างไม่มีปัญหาอะไร คนที่มองดูเขาวันนั้นคงอยากรู้ว่าชีวิตเขาจะเป็นยังไงต่อไป ใครดูอยู่วันนั้นผู้ชายนักศึกษาคนนี้เรียนจบนะ ตำนานสะพานไม้ก็ถูกพิสูจน์แล้วโดยเรา แต่นักศึกษาที่นั่นก็ยังคงหวาดกลัวและไม่กล้าข้ามสะพานไม้ต่อไปตามความเชื่อ
ห้องเรียนการตลาดตึก 7 ชั้น 5 กับเสียงสยองปริศนา
เรื่องนี้ไม่มีในตำนานของมหาวิทยาลัย เป็นเรื่องสยองที่ผู้เขียนพบเจอกับเหตุการด้วยตัวเอง วันนั้นตอนเช้าประมาณแปดโมงกว่า เรากับเพื่อนเข้าห้องไปเรียนตามปกติด้วยความง่วงเพราะนอนดึก ในห้องเรียนมีแค่สาขาเราอยู่ไม่กี่คน กับห้อง ห้องเรียนเป็นห้องขนาดใหญ่โต๊ะเรียงยาวไปด้านหลังจนสุดตา ด้านหลังมีแต่ความมืดเพราะเราจะเปิดไฟแค่โต๊ะที่เรานั่งเรียนเท่านั้น แล้วปล่อยข้างหลังให้ไร้แสงสว่างไป และก็มีเพื่อนโทรมาบอกว่าอาจารย์ยกคลาสเรียนวันนี้ว่าแล้วเพื่อนๆ ต่างทยอยออกจากห้องเหลือเรากับเพื่อนเพียงสองคนที่ยังไม่ออกไป เพราะอยากนอนพักในห้องด้วยความง่วง ห้องเงียบสงัดมากสักพักมีเสียงคล้ายการกรีดกระดาษจำนวนมากเสียงลากยาวมาจากหลังห้องเรียน เรามองหน้ากับเพื่อนและมองไปยังหลังห้องมืดๆ ที่ไม่รู้ว่าเสียงอันเยือกเย็นมาจากอะไร เสียงในความมืดนั้นคืออะไร เรารีบเก็บของแล้วเดินออกมาอย่างเร็ว และสวนทางกับแม่บ้านที่เดินมาปิดไฟปิดห้อนเรียนนั้นพอดี สรุปไม่มีใครอยู่ในห้องเเล้ว เสียงสยองในความมืดทำเราวิ่งลงจากตึกใจเต้นรัว รีบมาเล่าให้เพื่อนฟังจนเพื่อนกลัวไปตามๆ กัน
ห้องน้ำตึก 8 ชั้น 4 มีเงาดำขลับเดินผ่านตา
ประสบการณ์จากการอยู่ทำงานดึกๆ ที่มหาวิทยาลัยตึก 8 ชั้น 4 ในคืนนั้นรอบตึกไร้แสงสว่างเวลาประมาณ 3 ทุ่ม เรากับเพื่อนสองคนออกมาเข้าห้องน้ำ แล้วนั่งคุยกันต่อที่ประตูเก็บคอนเดนเซอร์แอร์ ตรงโต๊ะแม่บ้าน เด็กมหาวิทยาลัยนี้จะจินตนาการออกว่าเป็นยังไงตรงทางเดินเข้าห้องน้ำ เรานั่งตรงประตูหันหน้าไปหาเพื่อนหันหลังให้ประตูห้องน้ำ เพื่อนคนนั้นยืนพิงกำแพงหันข้างให้เราและหันหน้าออกไปด้านนอก แสงไฟห้องน้ำสาดมาจากด้านหลังเรา เราสองคนคุยกันสักพักมีเงาคนผ่านหลังเราเข้าไปห้องน้ำหญิง เป็นเงารูปร่างคนแต่ไม่มีเสียงเดินผ่านด้านหลังเลย มันเงียบมาก หากเป็นคนต้องมีเสียงเท้าผ่านเราไปแน่นอน และชั้น 4 เงียบสงัด เพื่อนคนนั้นก็เห็นเงาสีดำเดินเข้าไปในห้องน้ำ เราจึงสงสัยว่าใครกันทำไมไม่มีเสียงเดินเลยผ่านเลย เราเลยลุกขึ้นเข้าไปดูในห้องน้ำปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำหญิง ดูห้องน้ำชายก็ไม่มีคน มองไปรอบๆ ยิ่งวังเวง ตามสเต็ปเราวิ่งจ้า ถามเพื่อนในห้องมีใครไปเข้าห้องน้ำมั้ย เพื่อนบอกไม่มีใครไปเข้าห้องน้ำสักคน ชัดเจนเงานั้นคือวิญญาณและเราเห็นเงาผีกันจริงๆ
ดาดฟ้าตึก 8 กับผู้หญิงที่ฉันคุยด้วย
ย้อนไปสมัยเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่ง การรับน้องค่อนข้างมืดค่ำเวลาแบบนี้ไม่มีใครอยู่บนดาดฟ้าแล้ว วันนั้นเองเรากับเพื่อนก็ไปเข้าห้องน้ำที่ดาดฟ้าตึก 8 ที่ตรงนั้นจะเงียบเป็นพิเศษไม่ค่อยมีคนไปใช้ห้องน้ำตรงนั้นห้องน้ำที่ค่อนข้างเก่ามากไม่มีแม่บ้านดูแล เราเดินไปเข้ากับเพื่อนสองคนเดินตามกันมาติดๆ เราก็ถามเรื่อยเปื่อยเราเดินไปเข้าห้องที่ 3 แล้วปิดประตูห้องน้ำ และเห็นเงาว่าเพื่อนเดินไปเข้าห้องถัดไปห้องที่ 4 เป็นห้องสุดท้าย เราถามเพื่อนชวนนคุยตลอดแต่เพื่อนไม่ตอบ เรามองลอดกำแพงห้องน้ำก็รู้สึกว่าเพื่อนอยู่ห้องข้างๆ แต่ว่าไม่เห็นคุยกับเราเลย พอเราออกมามันยังเงียบอยู่ และห้องน้ำก็ปิดไม่สนิทเราเอามือดันประตูห้องน้ำเข้าไป เอ๊ะ!!ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย เราเดินออก เจอเพื่อนสนิทอยู่ข้างนอกยืนคุยกับเพื่อน เราจึงถามไปว่ามึงออกมาตอนไหนวะ เพื่อนตอบว่ายังไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำเลยนะคุยกับเพื่อนอยู่ เห็นมึงเดินไปคนเดียว เราเงียบเพื่อนเงียบมองหน้ากันแบบรู้แล้วว่าเจออะไร สรุปเราเดินไปคนเดียวจริงๆ เขาคงอยากหาเพื่อนเพราะนานๆ ทีจะมีคนมาเข้าห้องน้ำตอนมืดค่ำเรารู้สึกได้จนขนลุก!!!