ตอนนี้เรียนจบแล้วย้ายมาอยู่กับแม่ เลยมีเรื่องเล่าจากแม่ เรื่องนี้มีอยู่ว่า สมัยก่อนแม่ของเราเล่าว่าตอนนั้นอาศัยอยู่บ้านจากหลังเดียวกับย่ากางมุงคนละอันนอนใกล้ๆกัน(เหมือนเราในตอนนี้) บ้านของย่านั้นไม่ค่อยมีฐานะเท่าไหร่ สมัยก่อนยังเป็นฝาจากอยู่ แล้วแม่ก็อยู่บ้านใกล้ ๆ กันกับลูกพี่ลูกน้องของแม่ ซึ่งสมัยนั้นแม่อยู่มัธยมแล้ว (ย่าก็อายุประมาณเกือบ 80 ) ด้วยความที่แม่เป็นเด็ก และก้อ"ขี้เกียจเดินไปคุยกับลูกพี่ลูกน้อง จึงใช้วิธีแหวกฝาจากคุยกัน" เวลาแหวก ฝาจากก็จะเป็นโพรงและไม่คืนกลับสภาพเดิม...
และนั่นคือจุดสำคัญของเรื่องเล่าของเรานี้...
คืนหนึ่ง แม่เข้านอนที่หลังย่า ซึ่งสมัยนั้นยังนอนมุ้ง และ ห้องน้ำอยู่ด้านนอกตัวบ้าน ย่าจึงมีกระโถนฉี่ สำหรับเอาไว้เวลาต้องการเข้าห้องน้ำตอนดึก แม่เข้านอนตามปกติ แต่แม่ยังไม่หลับ คืนนั้น แม่รู้สึกว่ามันแปลก ๆ ทั้งบรรยากาศ และอากาศรอบ ๆ ตัว แต่แม่ก็นอนคิดอะไรไปเรื่อย จนกระทั่งกลางดึก แม่เคลิ้ม ๆ จะหลับนั้นเอง สายตาก็พลันเหลือบมองไปทางฝาจาก ที่แหวกคุยกันกับลูกพี่ลูกน้องทุกวัน
ทันใดนั้น ก้อมีดวงไฟประหลาด ขนาดประมาณเท่าหัวเด็กทารก แสงจากดวงไฟนั้นสว่างวูบๆ วาบๆ ลอยเข้ามาใกล้ผ่านทางฝาจากนั้น แม่ตกใจมาก แต่ก้อไม่กล้าร้องออกมา จึงได้แต่นิ่งและมองจ้องดวงไฟดวงนั้นตลอดเวลา ดวงไฟนั้นค่อย ๆ ลอยเอื่อย ๆ มาที่มุ้งของแม่ แม่เล่าว่าตอนนั้นหลี่ตาจนเกือบจะหลับ แต่ก็ยังพอเดาได้จากทิศทางว่ามันจะไปทางไหน มันลอยไปตรงที่ย่าวางกระโถนฉี่ไว้ ลอยวนไปมาอยู่สองรอบ แม่ทนกลัวไม่ไหวแต่เป็นห่วงย่ามากกว่า จึงเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัวทั้งหัว ตัวก็สั่นทั้งตัว แต่ยังขยับตัวไปติดมุ้งย่า เพื่อสะกิดย่า "ย่าๆ นั้นไฟอะไร นั่นหนะ" ย่าก้อก็ตอบกลับมาว่า
"เออ ไม่ต้องกลัวอีหนู นั่นมันหิงห้อย!" เป็นเสียงกระซิบแสนเบาแทบ ไม่ได้ยิน แต่กลิ่นมันช่างชัดเจน เป็นกลิ่นเหม็นคาว เหม็นมากๆ เหม็นชนิดที่เหมือนคนไม่แปรงฟันมาหลายสิบปีก็ไม่ปาน เเต่ตอนนั้นแม่ไม่ได้ใส่ใจ คงเพราะเป็นฟันคนแก่อาจจะผุมากอีกทั้งยังเป็นตอนกลางดึกแล้ว เลยสนใจแต่เพียงเสียงที่ย่าตอบกลับมา เพราะกลัวว่าย่าจะได้รับอันตราย จากดวงไฟนั้น หากแต่แม่ไม่สามารถยอมรับได้ว่ามันเป็นหิงห้อย เพราะดวงใหญ่มาก และแม่ก้อรู้จักหิงห้อย แม่จึงเรียกย่าอีกครั้ง คราวนี้แม่ต้องแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงย่าบ่นพรึมพรำเหมือนกำลังสวดมนต์อยู่ แม่จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาดูย่า แม่ตกใจมาก เพราะเห็นว่าย่านั่งอยู่บนกระโถนฉี่ มืดๆ มีเพียงแสงของดวงจันทร์พอเห็นรำไร ๆ ว่าย่านั้งฉี่โดยที่ร่างกายเปลือยเปล่า ไม่ได้ใส่ผ้าถุง และแม่ยังสอดสายตาเหลียวหาแสงไฟประหลาดเมื่อครู่ ก็ไม่เห็นแล้ว
พอรุ่งเช้าแม่ถามย่าว่า แสงไฟเมื่อคืนไม่ใช่แสงไฟจากหิ่งห้อยใช่ไหม แม่บอกว่าย่านิ่งเงียบไป แล้วกุมมือแม่เล่าเรื่องราวอีกอย่างให้แม่ฟัง แม่จบเรื่องเล่าไปเท่านี้ (ไม่ได้บอกว่าย่าบอกอะไรตอนนั้น)
ทันใดนั้น ก้อมีดวงไฟประหลาด ขนาดประมาณเท่าหัวเด็กทารก แสงจากดวงไฟนั้นสว่างวูบๆ วาบๆ ลอยเข้ามาใกล้ผ่านทางฝาจากนั้น แม่ตกใจมาก แต่ก้อไม่กล้าร้องออกมา จึงได้แต่นิ่งและมองจ้องดวงไฟดวงนั้นตลอดเวลา ดวงไฟนั้นค่อย ๆ ลอยเอื่อย ๆ มาที่มุ้งของแม่ แม่เล่าว่าตอนนั้นหลี่ตาจนเกือบจะหลับ แต่ก็ยังพอเดาได้จากทิศทางว่ามันจะไปทางไหน มันลอยไปตรงที่ย่าวางกระโถนฉี่ไว้ ลอยวนไปมาอยู่สองรอบ แม่ทนกลัวไม่ไหวแต่เป็นห่วงย่ามากกว่า จึงเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัวทั้งหัว ตัวก็สั่นทั้งตัว แต่ยังขยับตัวไปติดมุ้งย่า เพื่อสะกิดย่า "ย่าๆ นั้นไฟอะไร นั่นหนะ" ย่าก้อก็ตอบกลับมาว่า